มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ส่งต่อเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืน สืบสานพระราชปณิธาน ปลูกป่า ปลูกคน ของสมเด็จย่า

แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า
ผู้ทรงก่อตั้ง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระราชทานไว้นับตั้งแต่ทรงก่อตั้งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว และโครงการต่างๆ โดยเฉพาะ ต้นแบบด้านการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน ในเวทีระดับโลก อย่าง โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย มีเป้าหมายให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มองว่าการบุกรุกทำลายป่าเกิดขึ้นด้วยความจำเป็นเรื่องปากท้อง การปลูกป่าเพื่อให้ป่าต้นน้ำ ระบบนิเวศทางธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพมีความอุดมสมบูรณ์ชั่วลูกชั่วหลาน แท้จริงมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การปลูกคน ให้ชุมชนมีอาชีพสุจริตที่หลากหลาย เมื่อป่าเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ที่มั่นคง ชุมชนจะหวงแหนรักษาป่าเอง

วันนี้ เมล็ดพันธุ์จากพระ​ราช​ปณิธานของการ ปลูกป่า ปลูกคน ได้ผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรม ในมิติทางสังคม
นายทรงยศ วิเศษขจรศักดิ์ ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์กาแฟอาราบิก้าดอยตุงและเจ้าของร้านกาแฟลิเช เป็นตัวอย่างของผู้เติบโตในครอบครัวและสังคมที่มีแต่ความเจ็บ จน ไม่รู้ แต่เมื่อได้รับโอกาส ก็พยายามจนประสบความสำเร็จ

นายทรงยศ กล่าวด้วยความภูมิใจว่า ตนเองเกิดที่ดอยตุงอยู่ในครอบครัวเกษตรกรและปลูกฝิ่นขายตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ แทบจะทุกคนในหมู่บ้านติดยาเสพติดจากฝิ่น แต่ชาวบ้าน “ไม่รู้” ว่านี่คือสิ่งผิดกฏหมาย รู้แค่ว่าต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง กระทั่งสมเด็จย่าทรงก่อตั้งโครงการพัฒนาดอยตุงฯ พาผู้ติดยาเสพติดไปบำบัด สร้างอาชีพสุจริต ให้การศึกษา จนชาวบ้านมีอาชีพที่ยั่งยืนได้ถึงทุกวันนี้ “ปัจจุบัน ครอบครัวมีอาชีพปลูกและขายกาแฟจากการส่งเสริมของเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ประกอบกับตัวเองเป็นคนชอบต่อยอดและเห็นโอกาสจะรีบคว้าไว้ ตอนแรกปลูกกาแฟขายผลสดอย่างเดียวรายได้ไม่มากเพราะโดนพ่อค้าคนกลางกดราคาเราไม่มีความรู้ แต่พอได้ไปดูร้านกาแฟต่างๆ ในเมืองขายกาแฟแก้วละ 40-50 บาท ก็ตกใจมาก เพราะเราต้องขายกาแฟสดถึง 1 กิโลกรัม กว่าจะได้เงินเท่ากาแฟ 1 แก้วของเขาซึ่งใช้ปริมาณกาแฟในการชงแค่นิดเดียว จึงกลับมาเดินหน้าหาความรู้เรื่องการคั่ว แปรรูป หาเงินทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นกองกลางให้ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ทดลอง” ปัจจุบัน นายทรงยศ ปลูกและคั่วกาแฟขายเองตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำยันปลายน้ำ มีร้านกาแฟเป็นของตัวเองถึง 7 สาขา ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโอกาสที่ได้รับจนได้มีอาชีพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

อีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนที่ไม่ได้ต้องการยืนหยัดได้แค่ตัวเองและครอบครัว แต่มีความตั้งใจที่จะช่วยหว่านเมล็ดพันธุ์ของความรู้และแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์นับร้อยชีวิตบนดอยตุง นางทัศนีย์ โสภณอำนวยกิจ ครูสอนคณิตศาสตร์และภาษาจีน โรงเรียนบ้านขาแหย่งพัฒนา อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เล่าว่าเป็นลูกสาวคนโตเชื้อสายอาข่า-จีน เกิดในยุคที่ค่านิยมของคนในหมู่บ้านขายลูกสาวไปค้าประเวณีเพื่อความอยู่รอด แต่โชคดีที่พ่อและแม่ไม่ยอมขายลูก และแม่ผู้ไม่มีสมบัติใดๆ มีความตั้งใจแน่วแน่ว่า มรดกเดียวที่ให้ลูกได้คือการส่งเสริมเรื่องการศึกษา เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เข้ามาจึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี ซึ่งความฝันของครูดอยคนนี้ บอกว่าอยากเป็นครูตั้งแต่ ม.5 อยากสร้างโอกาสให้คนอื่น เหมือนที่ได้รับโอกาสบ้าง

“ตอนนั้นหนูเปรียบเทียบอาชีพครูเหมือนเรามีมะม่วงอยู่ผลหนึ่ง แต่แทนที่เราจะกินหมดแล้วทิ้งไป เราเอาเมล็ดไปปลูกให้ผลิดอกออกผลต่อไปได้ การศึกษาเป็นสิทธิ์ที่คนเราทุกคนควรได้รับ เพราะมองว่าจะเป็นทางรอดของชีวิตอย่างยั่งยืนได้”

ส่วนมิติสิ่งแวดล้อม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทรัพยากรจากการฟื้นฟูต้นน้ำที่เคยโดนแผ้วถางเพื่อปลูกฝิ่นจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นประมาณ 100,000 ไร่ และจัดสรรพื้นที่ป่าตามการใช้ประโยชน์ ได้แก่ ป่าอนุรักษ์ ป่าเศรษฐกิจ ป่าใช้สอย ที่ทำกิน และที่อยู่อาศัย จึงไม่มีการบุกรุกป่า และมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์มากถึงร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด พบพันธุ์ไม้ใหม่ของโลกกว่าสิบชนิด และมีสัตว์ป่าหลายชนิดมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าแห่งนี้ เช่น เลียงผา แมวดาว นกปีกแพรเขียว ปลาค้างคาวดอยตุง ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาและดูแลพื้นที่ป่ามากว่า 30 ปี และได้ริเริ่ม “โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการดูแลรักษาป่าชุมชนใน 9 จังหวัด โดยเชื่อว่าคาร์บอนเครดิตเป็นกลไกหนึ่งที่ตอบโจทย์ให้ชุมชนดูแลป่าและดูแลตัวเองได้พร้อมๆ กัน ทั้งยังลดการสูญเสียพื้นที่ป่า ลดปัญหาฝุ่นควัน pm 2.5 และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญของประเทศด้วย